วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556



ผักคะน้า

คะน้าเป็นผักที่บ้านเรารู้จักกันดี นิยมใช้บริโภคกันอย่างกว้างขวาง หา ซื้อง่ายราคาไม่แพงและหาซื้อมาบริโภคได้ตลอดปี หรือหากมีที่ว่าง ๆ ข้างบ้านจะปลูกเป็นผักสวนครัวเพื่อใช้บริโภคเองก็ปลูกได้สะดวกสบายไม่มีอะไรยุ่งยาก ผักคะน้า ปลูกได้ทั้งในดินร่วน ดินเหนียว ดินทราย ที่เพิ่มธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับผักคะน้า ในรูปของปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักที่ย่อยสลายดีแล้ว และผักคะน้ายังปลูกได้ตลอดปีในแหล่งที่มีน้ำอย่างเพียงพอ ช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการปลูกผักคะน้าได้ดีที่สุดคือ ระยะตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม-เมษายน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม จะปลูกได้ผลดีที่สุด แต่ก็จะเป็นช่วงที่ผักคะน้ามีราคาตํ่าที่สุดด้วย เนื่องจากว่ามีผลผลิตออกสู่ตลาดมากพร้อม ๆ กัน ยกเว้นว่าแหล่งผลิตบางแห่งประสบภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ราคาก็จะเปลี่ยนแปลงไป ส่วนช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม-กันยายน อันเป็นช่วงฤดูร้อนและฤดูฝนสามารถปลูกได้ดีเช่นกัน แต่อาจจะประสบปัญหาบ้าง เช่น ขาดน้ำ หรือมีปัญหาโรคและแมลงรบกวนมาก หรือปัญหาฝนตกหนักทำให้เกิดดินแน่น ผักไม่เจริญเติบโต แต่ถ้าพูดถึงในด้านราคาขายดูจะดีกว่า
พันธุ์
ผักคะน้าจัดเป็นพืชผักตระกูลกะหล่ำ (Cruciferac) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Brassica Oleracea Var alboglabra สำหรับผักคะน้าที่ปลูกอยู่ในบ้านเราคือ พันธุ์คะน้าจีน (Chinese Kale) ซึ่งที่นิยมปลูกกันอยู่มี 2 ประเภทคือ
1.คะน้าใบ มีลักษณะต้นอวบใหญ่ ก้านเล็ก ใบกลมหนา กรอบ ทนทานต่อดินฟ้าอากาศได้ดี เมล็ดพันธุ์ของคะน้าใบที่ทางราชการผลิตได้ ได้แก่ พันธุ์ฝางเบอร์ 1 และฝางเบอร์ 2

2.คะน้ายอดหรือคะน้าก้าน มีลักษณะต้นอวบใหญ่ มีดอกสีขาว ใบแหลม ก้านใหญ่ มีรสอร่อย มีความต้านทานต่อโรค ต่อความร้อนและความชื้นได้ดี สำหรับเมล็ดพันธุ์ที่ทางราชการผลิตได้คือพันธุ์ PL 20 โดยทำการคัดเลือกปรับปรุงและเผยแพร่ให้เกษตกรได้ใช้มาตั้งแต่ปี 2516 แต่ เป็นพันธุ์ที่ออกดอกช้าให้น้ำหนักดีและผลผลิตสูง